Sex and Zen II เป็นงานภาคต่อของหนังเกรด 3 ระดับตำนานแห่งปี 1988 จะว่าไปแล้วหนังทั้งสองเรื่อง แทบไม่ได้มีอะไร ที่เชื่อมโยงหากันได้เลย ทั้งเนื้อหา ที่ไปคนละเรื่องเดียวกัน ดารานักแสดงเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด แถมซ้ำทีมงานสร้างยังทีมใหม่ เรียกว่าคนละชุดกันเลย ผู้สร้างเจ้าของหนัง Sex and Zen ภาคสองนั้นก็ไม่ใช่ใครที่ไหน หวังจิง ขวัญใจแฟนหนังฮ่องกงผู้นั้น ที่สร้างหนังเหวี้ยงแห เอามันทุกแนว ไม่เว้นกระทั่งหนังเกรด 3 ที่ถือเป็นสินค้าขึ้นหม้อในช่วงกลางยุค 90
Sex and Zen II เดินตามสูตรของหนังเกรด 3 ทุกขั้นตอน ดาราหน้าหวาน ที่ออกมาโชว์เนื้อหนังกันพอหอมปากหอมคอ เนื้อหาออกตลก ทะลึ่งสัปดล เรียกว่าหาเนื้อหาสาระไม่ได้ โดยมีงานสร้างอันสวยงามแปลกตา เป็นของแถม Sex and Zen II เป็นงานในหมวดหมู่นี้ที่คนจดจำได้มากที่สุดเรื่องหนึ่ง หนังมีจุดสนใจ อยูที่การพบกันของสองนางเอกสาวแห่งวงการหนังเกรดสาม ในขณะนั้นอย่าง หลีลี่เจิน และซูฉี
Sex and Zen II มีฉากหลังอยู่ในยุคสมัยยอดนิยมแห่งหนังฮ่องกงซอฟคอร์ อย่างราชวงศ์หมิง เล่าเรื่องของสาวน้อย ลูกสาวเศรษฐี (หลี่ลี่เจิน) เกิดมาในบ้านที่ เพศชายเป็นใหญ่ บิดา มีภรรยาถึงสี่คน เขาหลงใหลมัวเมาในเรื่องเพศ ถึงกับสำเร็จวิชา (เออ….) กระจู๋เหล็ก ที่แข็งแกร่งจนสามารถทำลายแตงโมทั้งลูก ใช้. .. หิ้วลูกตุ้ม และชักเย่อกับวัว หรือเขียนอักษรลงบนพื้นทราย (ต้องชมเชยเฮียโล้น Elvis Tsui ด้วย ว่าแสดงได้บ้าบอดีแท้)
นางเอกนั้น อึดอัดกับสภาพดังกล่าว โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเห็นผู้หญิง มนุษย์เพศเดียวกับตนเอง มีชีวิตอย่างไร้คุณค่า เป็นเพียงเครื่องรองรับอารมณ์ชายเพียงอย่างเดียว นางตัดสินใจออกผจญภัยในโลกกว้าง ศึกษาหาความรู้ เพื่อจะได้ไม่ตกเป็นเบื้อล่างแก่ผู้ชาย นางเอกออกเดินทาง ด้วยการการปลอมตัว และสมัครเข้าโรงเรียนของผู้ชาย โดยให้คำมั่นกับบิดาว่านางจะใส่ “เกราะพรหมจรรย์” ไว้เพื่อป้องกันการแตะต้องจากชายใดๆ
ที่นั้นนางเอกสาวสคนสวยได้พบกับ หนุ่มนักศึกษาผู้หนึ่ง ทั้งคู่ตกหลุมรักกัน (หลังจากผ่านเรื่องราววุ่นว่ายมากมาย โดยเฉพาะเมื่อเขา “ล่วงล้ำ” สู่ของสงวนของนางเอกสาว อยางไม่ได้ตั้งใจ เกราะพรหมจรรย์จึงทำงาน ปั้นทำลาย “อวัยวะบางส่วนจนขาดวิ้น ทั้งสองต้องเดินทางไปว่ายวาน “นักพรตเปี่ยมสุข” ผู้เชี่ยวชาญวิชาแพทย์นอกรีด ที่ศึกษาการทำอวัยะเทียม ช่วยรักษาให้) นางเอกสาวพาชายคนรักกลับสู่บ้าน อีกครั้งก่อนจะพบว่า เป็นเวลาเดียวกับที่ พี่ชายปัญญาอ่อน ของนาง ได้เข้าพิธีแต่งงานกับสาวสวยนางหนึ่ง (ซูฉี) เข้ามาอยู่ในบ้าน หญิงสาวสวย ไร้ที่มา ที่แต่งชุดแดงอยู่ตลอดเวลา โดยไม่มีใครล่วงรู้ว่าแท้จริงแล้ว หญิงสาวลึกลับเป็นร่างแปลงของปีศาจไร้เพศ ที่หลบหนีการตามล่าของนักนักพรต คนในบ้านเริ่มเสียชีวิตอย่างไรสาเหตุ นางเอกเริ่มสงสัย และพยายามโน้มน้าวให้คนในบ้านได้ทราบว่า สาวเสื้อแดงแท้จริงแล้วคือปีศาจ แต่ไม่มีใครยอมเชื่อ แม้กระทั่งบิดา ที่หลงเสน่ห์ลูกสะใภ้คนใหม่เข้าไปเต็มๆ
ในด้านคุณค่าทางภาพยนตร์ ไม่มีอะไรที่ผิดจากการคาดเดานัก Sex and Zen II มีเนื้อเรื่องที่กระจัดกระจาย หยิบโน่นผสมนี่ ครึ่งแรกของเรื่องเป็นการล้อเลียน The Lovers หรือ ม่านประเพณีของฉีเคอะแบบเต็ม ส่วนหลังดัดผ่ากลายเป็นหนังแฟนตาซี ภูติผีปีศาจประเภท โบเย ไปซะได้ แต่ทั้งคนสร้าง และคนดู ก็คงจะเห็นพ้องต้องกันว่า คงไม่มีใครสนใจเนื้อเรื่องอะไรกันเท่าไหร่ บทภาพยนตร์ทำหน้าที่ร้อย ฉากเซ็กซี่ และตลกลามกสัปดล เข้าด้วยกัน
ส่วนเกี่ยวข้องกับ Sex and Zen ต้นฉบับเห็นจะอยู่ที่การผูกเรื่องเข้ากับเนื้อหาที่วนเวียนอยู่กับ การสรรค์หา “สถานการณ์” “อุปกรณ์” “ลีลา” แปลกๆ ใหม่ๆ มาสร้างความบันเทิงเชิงสยิว ให้กับผู้ชม ทั้งชุดเกราะพรหมจรรย์ บีกีนี่เหล็ก ที่มีกลไกกับดักบริเวณสำคัญ 3 จุด หรือฉากไครแม๊กซ์ของเรื่องกับการดวลของนางเอกทั้งสองบน เก้าอี้แมงป่อง ที่ใครถึงจัดสุดยอดก่อนต้องเป็นฝ่ายแพ้ และเสียชีวิต อย่างไรก็ตาม ภาพรวมของ “ฉากอย่างว่า” ใน Sex and Zen II ถือว่าทำออกมาได้ระดับพอใช้ ไม่ได้สดใหม่ หรือสร้างสรรค์เทียบเท่ากับภาคแรก หรือหนังเกรด 3 ระดับคลาสสิคหลายๆ เรื่อง
ถึงแม้ตัวหนังจะย่ำแย่ยังไง อย่างไรก็ตาม สำหรับหนังประเภทนี้ ประเด็นต้นๆ ที่คนถามหาเห็นจะหนีไม่พ้นเรื่องดารานักแสดง Sex and Zen II มีดาราสาวหน้าตาจิ้มลิ้มสองคนมานำเสนอ ที่น่าสนใจก็คือเส้นทางในอาชีพของดาราสาวทั้งสอง ที่ดูเหมือนเดินสวนทางกัน ระหว่างโลกของหนังโป๊ และหนังปกติโดยมีงานอย่าง Sex and Zen II เป็นจุดกึ่งกลาง ที่ดาราสาวมาพบกัน ยังเป็นหนังเกรด 3 เรื่องสุดท้ายของทั้งคู่ด้วย
หลี่ลี่เจิน อายุย่างเข้า 30 ปีแล้วเมื่อปี 1996 เธอก้าวเข้าสู่วงการบันเทิงตั้งแต่ 14 ปีก่อนหน้านั้น ขณะวัยยังไม่เต็ม 15 ปีดี แจ้งเกิดอย่างงดงามกับหนังคลาสสิคเรื่ง Shanghai Blues ของฉีเคอะหลังจากนาน หลี่ลี่เจิน ก็เข้าสู่วงการบังเทิง มีผลงานต่อเนื่องยาวนานในฐานะดาราวัยรุ่นหน้าหวาน กับบทใสซื่อบริสุทธิ์ หลีลี่เจิน ตัดสินใจยืดอายุในวงการบันเทิงของเธอ ด้วยการรับงานประเภทเปิดเผยเนื้อ เผยตัวมากขึ้น โดยเฉพาะการรับเล่นหนังเกรด 3 หลีลี่เจิน มีงานในประเภทนี้อยู่ประมาณ 3 – 4 เรื่อง ถึงปี 1997 จึงได้แต่งงานและถอนตัวอย่งวงการไปชั่วคราว
ขณะที่หนังเกรด 3 อย่าง Sex and Zen II เป็นเหมือนโอกาศสุดท้ายในวงการของหลีลี่เจิน ในทางตรงกันข้ามนี้เป็นโอกาศแรกของสาวสวย จากไต้หวันที่ชื่อว่า ซูฉี ที่ขณะนั้นอายุ 20 ต้นๆ เท่านั้น เธอเกิดในครอบครัวที่ขัดสน บิดาล้มเหลวจากการทำธุรกิจ ต้องทำงานหาเงินมาตั้งแต่อายุไม่มาก เมื่ออายุได้ 17 ปี ซูฉี เดินทางมาฮ่องกง ไต่เต้าอยู่ในวงการอยู่พักใหญ่ ทำงานหลากหลาย อย่างที่ทุกคนทราบดี เป็นงานประเภทโป๊เปลือย ทั้งงานถ่ายแบบ และมิวสิควิดีโอปลุกใจเสือป่า ความน่ารัก เซ็กซี่ ซุกซน แบบไม่ได้เห็นบ่อยนักของ ซูฉี แตะตา มานเฟร็ด หว่อง โปรดิวเซอร์คู่หูของหวังจิง เข้าจังๆ มอบบทที่ส่งให้เธอเป็นที่สนใจไปทั่งเกาะฮ่องกง Sex and Zen กลายเป็นหนังเกรด 3 แท้ๆ เรื่องสุดท้าย (และอาจจะพูดได้ว่าเรื่องเดียว) ของเธอในที่สุด (ซูฉียังมีงานในแนวนี้อีก 2 เรื่อง แต่ส่วนใหญ่แฟนๆ ซูฉี กับ แฟนหนังแนวนี้ ก็ไม่ค่อยอยากจะนับกันเท่าไหร่ The Fruit is Swelling นั้นมาแค่บทรับเชิญ ส่วน Viva Erotica หนังว่าด้วยวงการหนังเกรด 3 ก็มีคุณภาพดีเกินหนังแนวนี้ไปหน่อย)
Sex And Zen II เล่าเรื่องรัก เซ็ก และแฟนตาซี ตาแบบฉบับแห่งความบ้าหลุดโลกตามแบบฉบับหนังเกรด 3 แท้ แต่เอาเข้าจริงๆ แล้วคุณภาพงาน ความคิดสร้างสรรค์ ความลงตัว ของหนังนั้นมีอยู่จำกัด เทียบกับงานประเภทเดียวกันหลายๆ เรื่อง (โดยเฉพาะ Sex and Zen ภาคแรก) ก็ต้องบอกว่าเป็นรอง ….. ว่าแต่ใครสนใจเรื่อง คุณภาพ ความคิดสร้างสรรค์ ความลงตัว ของหนังประเภทนี้กันบ้างรึเปล่าก็ไม่รู้นะครับ 555 ที่แน่ๆ ก็คือ สองนางเอกสาว หลีลี่เจิน และซูฉี เปิดเผย “เสน่ห์” ในที่ลับของเธอทั้งให้เห็นอยู่พอสมควร เพียงเท่านี้ Sex And Zen II ก็คงจะเป็นที่ถามถึงไปอีกนาน
- Credits
บริษัทผู้สร้าง – Film Workshop Co. Ltd.
กำกับ – Chin Man Kei
อำนวยการสร้าง – Wong Jing
บทภาพยนตร์ – Sai Moon-Gin
กำกับภาพ – Cheung Man-Po
ตัดต่อ – Ma Go
ดนตรีประกอบ – Angus, Yam Lok Leng Wik
กำกับศิลป์ – Andrew Cheuk Man-Yiu
ออกแบบเครื่องแต่งกาย – Lee Pik-Kwan, Man Yun-Mei
แต่งหน้า ทำผม – Chow Man-Guen, Maggie Choi Yin-Jing, Chau Siu-Mui
กำกับคิวบู๊ – Dion Lam Dik-On
แสดงนำ – Loletta Lee Lai-Chun, Shu Qi, Tsui Kam-Kong, Ben Ng Ngai-Cheung, Lok Tat-Wah, Wong Yat-Fei - Thailand Release – เข้าฉายปี 2543 โดยสหมงคลฟิล์ม ชื่อไทยว่า อาบรักกระบี่คม ภาค 2 มีแผ่น VCD ออกมาทั้งของ แมงป่องซึ่งภาพไม่ชัด กับของ Happy TIme ตัดฉากสำคัญ
- Rating – 3.5/5 (3 สำหรับตัวหนัง และคะแนนพิเศษ 0.5 ให้กับนางเอกทั้งสอง)
แอบฮา Rating เล็กน้อย
5 5
“0.5 ให้กับนางเอกทั้งสอง”
ผมว่าสนุกไม่เท่าภาคแรกนะครับ
ภาคแรกดูขลัง คลาสสิกดี (พูดเหมือนเชี่ยวชาญ 5 5)
Sex and zen2
น่าสนใจ
บริการเงินสดด่วน เงินด่วนง่ายๆ รับเงินสดวันนี้
ซูฉี สมัยก่อนนี่แสดงหนังเกรด 3 เยอะนะครับ
นึกถึงเวิน เจ้าหลุน ที่แสดง เกรด 3 ด้วยเหมือนกัน แต่ไม่เคยรู้มาก่อนเลย
เจ๊ง ขอบคุณครับ
ไม่รีวิว หนังเกรด 3 ไทยบ้างเหรอครับ ร่วมรุ่นกันเลยนะนั่น อย่างเพ็ญพักตร์ ปาไป 6 ภาค ถ้าจำไม่ผิด
เยี่ยมมาก อยากจะมีไว้เป็นส่วนตัว ทั้งภาค 1 ภาค 2 และ ภาค 3 ที่ไม่มีการเซนเซอร์ หาซื้อได้ที่ไหน โปรดแจ้งชี่อร้านและเบอร์ติดต่อ ก็จะดีมาก ขอบคุณครับ
อ้าว มันไม่เซ็นเลยเหรอ อยากดูแล้วสิ 555
ddd
dddd
อยากดูมาก
อยากมีไว้ทั้ง 1 2 3 เลยแต่หาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ
ใครมีแบบไม่เซ้นขอหน่อยน่ะครับ ตอนนี้ต้องการด่วน เพราะหลักๆ แล้วไม่เคยดูเลย แต่อยากดู ไม่เคยรู้ว่าหนังเกรด 3 คือ หนัง อะไร
123456ddddd
อย่ากดู
ดูครับ
ดีมาก ๆ ๆ ๆ ๆ
อยากดูอะ
ดี
้้้ดดดดดดด
คลองถมร้านเจบิ๊กมครบสามภาคเลยครับ อิอิ
dd
อยากดู ๆ ท่าจะสยิวดี
อยากดู
อยากดูมาก55555
อยากดูจัง
dddd
fffff
ddd
ใครต้องการหนัง อาบรักกะบี่คม สั่งผมได้คับ มีัครบคับ ไม่มีตัดภาพคับ
0895133286 เอกนะ โทรสั่งได้คับ และหนังRจีนเก่าๆเพียบ ไม่มีตัด
มีหนังจีนเรทR ที่ดังๆผมมีขายคับ ลองเข้าไปดูในเวปบล็อกผมก่อนได้คับ ราคาถูกคับแต่หนังคุณภาพคือ
ขายเฉพาะหนังเรทRจีน เก่าๆคับ หายากคับ เป็นหนังต้นฉบับแท้ๆคับภาพและเสียงได้บรรยากาศในหนัง
เก่าคับที่เราเคยผ่านตามาลองดูคับ ตามลิงค์ผมนะคับ
http://oldmovies18up.blogspot.com/
เก็บลิงค์ผมใว้ด้วยนะคับพึ่งทําขายเดี้ยวมีอีกเพียบคับ
อยากดู
ขอดูที
Thank you for sharing.
Your article is very well.
Made someone include me to know somethink.
อยากดูอ่ะ
คูแล้วได้อารมณืดีครับ
้้้้้้ัะะุถถถถถ
อยากมีเกิบใว้จังแบบเต็มๆเลยทำไงดีครับ
t like goodd
ดุๆๆคับ
ขอดูหน่อย
Humbly