2000 – 2010 ทศวรรษแห่งหนังจีน ‘อลังการงานสร้าง’



เป็นเวลา 10 ปีแล้วนะครับ ที่หนังกำลังภายในเรื่อง Crouching Tiger, Hidden Dragon ออกฉาย ต้องยอมรับว่าผู้กำกับพื้นเพชายไต้หวัน ได้เปลี่ยนความหมายของหนังกำลังภายในไปตลอดกาล ความรุ่งเรืองของหนังแนวนี้ได้หวนกลับคืนมาอีกครั้ง และยืนยาวกว่ารอบวงที่แล้วซึ่งเกิดขึ้นหลังกระแสของหนังเรื่อง Swordsman (เดชคัมภีร์เทวดา) ของฉีเคอะเสียอีก

Made In Hong Kong ลองย้อนมองรอบสิบ (กว่าปี) ที่หนังกำลังภายใน กลายเป็นของคู่กับคำว่า ‘อลังการงานสร้าง’ ที่เม็ดเงินจำนวนมหาศาลถูกทุ่มให้กับหนังประเภทนี้ เริ่มถูกชายตามองนักดูหนังรสนิยมสูงล้ำทั้งหลาย และอาจเรียกได้ว่าเป็นหนังจีนแนวเดียว ที่ยังเหลือที่ยืนในโรงภาพยนตร์ของเมืองไทย (ขอเน้นเฉพาะหนังกำลังภายใน ซึ่งอาจจะมีแฟนตาซี, หรืออิงค์ประวัติศาสตร์ แทรกเข้ามาบ้าง แต่ละเว้นหนังกังฟูไว้สำหรับโอกาสต่อไปก็แล้วกัน)

Crouching Tiger, Hidden Dragon – พยัคฆ์ระห่ำ มังกรผยองโลก (2000, Taiwan)

ผู้กำกับ: อังลี, หยวนวูปิง (กำกับคิวบู๊)
นักแสดงนำ: โจวเหวินฟะ, มิเชล โหย่ว, จางเจิ้น
จุดขาย: ถ้าดูกันตอนนี้ CTHD คือหนังกำลังภายในดีๆ เรื่องหนึ่งแต่ในปี 2000 CTHD คืองานที่สั้นสะเทือนวงการ
รอยด่าง: บางคนไม่ชอบเนื้อเรื่องบอกว่าหน่อมแน้ม แต่ไม่ใช่สำหรับผมนะครับ เพราะฉะนั้นในมุมมองของ MIHK งานชิ้นนี้ไร้จุดด้อย
ฉากเด็ด: ฉากไล่ล่าของ มิเชล โหย่ว, จางจื่ออี้
Rating: IMDB = 8.0/10 | Rotentomatos = 97% | MIHK 5/5

หนังดัดแปลงจากนิยายกำลังภายในรุ่นคลาสสิค (ก่อนกิมย้ง) เล่าเรื่องของจอมยุทธผู้สืบทอดวิทยายุทธของบู๊ตึ้ง หลี่มู๋ไป๋ (โจวเหวินฟะ) ที่ตัดสินใจวางกระบี่ เพื่อรักษาสัญญากลับไปใช้ชีวิตอันสงบสุขกับกับ ซู่เหลียน (มิเชลล์ โหยว) หญิงคนรักจอมยุทธหญิงเจ้าของสำนักคุ้มภัยคู่หมั้น หลี่มู๋ไป๋ ยินยอมมอบกระบี่ชะตาฟ้า อาวุธคู่กายของตัวเองกระบี่วิเศษคู่กายแก่ขุนนางผู้ใหญ่ผู้หนึ่ง แต่แล้วคืนหนึ่ง กระบี่ก็ถูกขโมยไปจากจวนขุนนาง โดย อวี้เจียวหลง (จางจื่ออี๋) สาวน้อยที่ไม่ต้องการใช้ชีวิตที่ถูกกำหนดโดยผู้อื่น

Crouching Tiger, Hidden Dragon ได้เปลี่ยนคำนิยามของหนังกำลังภายใน จากความบันเทิงเกรดรอง ให้กลายเป็นงานพาณิชศิลป์ที่เต็มไปด้วยความปราณีต ผสมผสานงานศิลปะหลายอย่าง ขณะเดียวกันก็สร้างความสำเร็จในแง่ของการตลาด โดยเฉพาะทางฝั่งตะวันตก ที่ อังลี นำเอาผลงานเรื่องนี้ไปบุกตารางบ็อกออฟฟิศ และเวทีออสการ์ หลังจากนั้นมันดูเหมือนจะเป็นเรื่องธรรมดาทันที ถ้าหนังพูดจีนเหล่านี้สามารถไปฉายแบบวงกว้างในสหรัฐฯ ภาคงานสร้างสุดวิจิตร ขณะที่คิวบู๊ถ่ายทำออกมาได้เหมือนกับหลุดออกจากการนิยายกำลังภายใน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำเสนอภาพของวิชากำลังภายใน ที่ถูกตีความออกมาอย่างไม่น่าเชื่อ Crouching Tiger, Hidden Dragon เป็นการแสดงคารวะต่อหนัง และนิยายกำลังภายในยุคเก่า และยังเปิดประตูสู่ยุคใหม่ไปในขณะเดียวกัน

Hero – ฮีโร่ (2002, China)

ผู้กำกับ: จางอี้โหมว, เฉิงเสี่ยวตง (กำกับคิวบู๊)
นักแสดงนำ: เจ็ท ลี, จางม่านอวี้, ดอนนี่ เยน,
จุดขาย: งานกำกับศิลป์, เนื้อเรื่องที่เปิดโอกาสให้สามารถตีความได้หลากหลาย
รอยด่าง: น้ำเสีย Propaganda?
ฉากเด็ด: ฉากต่อสู้ระหว่าง เจ็ท ลี กับดาวบู๊โลกลืม (ในตอนนั้น) ที่ชื่อ ดอนนี่ เยน
Rating: IMDB = 8.0/10 | Rotentomatos = 80% | MIHK 3.5/5

เจ็ท ลี, ดอนนี่ เยน, จางม่านอวี้ รับบทเป็นจอมยุทธที่ยอมทำทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการสละชีวิต หรือทิ้งศักดิ์ศรี เพื่อโค่นผู้นำแห่งแคว้นฉิน ที่กำลังใกล้ครองแผ่นดินจีน แต่ตัวละครที่รับบทโดย เหลียงเฉาเหว่ย กลับไม่แน่ใจว่าสิ่งที่ตนเพียรพยายามทำอยู่นั่น เป็นเรื่องถูกต้องหรือไม่

จางอี้โหมว ใช้วิธีการเล่าเรื่องแบบราโชมอน ตีแผ่เหตุการณ์เดียวกันในมุมมองที่แตกต่าง ของหลายตัวละคร หนังหยิบเรื่องราวของฉินซีฮ่องเต้ ผู้กำลังจะรวบรวมแผ่นดินให้เป็นผืนเดียวกัน และดูจะพยายามหาความชอบให้กับนโยบายดังกล่าว จนถูกหลายฝ่ายมองว่า ผู้กำกับผู้มีประวัติศาสตร์ในการตบตีกับกองเซนเซอร์ ถูกกล่าวหาว่านำความขายหน้าของชาวจีน ไปหากันยังต่างประเทศ คนนี้เริ่มเปลี่ยนไป แน่นอนการเป็นผู้อำนวยการพิธีเปิดกีฬาโอลิมปิก ทำให้ไม่มีใครพูดถึงคำถามนี้กันอีกแล้ว สำหรับผมไม่ได้มีปัญหาอะไรกับประเด็นดังกล่าว ส่วนตัวแล้วรู้สึกบันเทิงกับหนังแต่ไม่ได้ประทับใจอะไรมากมาย อย่างน้อยการแสดง และตัวละครของ เจ็ท ลี และเฉินต้าหมิง (ผู้รับบทเป็นฮ่องเต้) ก็ยังสามารถสร้างความประทับใจให้กับผมได้อยู่พอสมควร

Warriors of Heaven and Earth (2003, China)

ผู้กำกับ: เหอผิง, ตงเหว่ย (กำกับคิวบู๊)
นักแสดงนำ: เจียงเหวิน, นากาอิ คิอิจิ, จ้าวเหว่ย
จุดขาย: หนังกำลังภายในที่เล่าเรื่องของคนชายขอบ, ชีวิตจอมยุทธตามรอยตะเข็บชายแดน และท้องทะเลทราย แบบเหอผิง ยังคงน่าสนใจอยู่เสมอ
รอยด่าง: งานโปรดักชั่นบางอย่างดูออกแบบไม่ลงตัว, ตอนจบแนวปาฏิหาริย์
ฉากเด็ด: ฉากบู๊บนหลังม้า, เจียงเหวิน vs นากาอิ คิอิจิ
Rating: IMDB = 6.4/10 | Rotentomatos = 67% | MIHK 4/5

อดีตนายทหารหนีทัพ (เจียงเหวิน) ตัดสินใจช่วยเหลือ หลวงจีนน้อยในการอันเชิญพระบรมสารีริกธาตุ ไปสู่เมืองหลวงโดยการร่วมรวมอดีตลูกน้อง รวมถึงนักรบชาวอาทิตย์อุทัย ในการเดินทางผ่านทะเลทราย ขณะที่หนังเรื่องอื่นๆ พยายามประดิษฐ์ประดอย ประณีตกับงานสร้างจนน่ารำคาญ Warriors of Heaven and Earth นำเสนอหนังแมนๆ ตัวละคร ถึก, หนวด และแก่ จนกลายเป็นความแตกต่างที่น่าสนใจ หนังทำออกมาได้สนุก แต่ยังมีส่วนไม่ลงตัว ตั้งแต่งานออกแบบเครื่องแต่งกาย และบท โดยเฉพาะบทสรุปของเรื่อง ที่รวบรัดตัดตอน และใช้เงื่อนไขปาฏิหาริย์ เพื่อแก้ไขสถานการณ์ให้กับตัวเอกผู้กำลังถึงตาจน

House of Flying Dagger – จอมใจบ้านมีดบิน (2004, China)

ผู้กำกับ: จางอี้โหมว, เฉิงเสี่ยวตง (กำกับคิวบู๊)
นักแสดงนำ: หลิวเต๋อหัว, ทาเคชิ คาเนชิโร่, จางจื่ออี้
จุดขาย: งานศิลป์, ดาราหนุ่มหล่อสาวสวย
รอยด่าง: ความเยิ่นเย้อ, ความโรแมนติกอันไม่น่าเชื่อถือ
ฉากเด็ด: มีดบินหมุนติ้วๆๆๆๆ น่าตื่นเต้นนะในตอนนั้น, จางจื่ออี้เต้นระบำรำฟ้อน
Rating: IMDB = 7.6/10 | Rotentomatos = 88% | MIHK 2/5

ยอดมือปราบสองคน หวังใช้สาวนางรำผู้ลึกลับ (จางจื่ออี้) สืบไปถึงหัวหน้าคนใหม่ของบ้้านมีดบิน องค์กรที่เป็นปรษักษ์กับราชสำนัก ที่มีคำสั่งให้ทั้งสองจัดการให้ได้ภายใน 10 วัน จิน (ทาเคชิ คาเนะชิโร่) แสร้งทำเป็นหลงรักนาง ช่วยเหลือออกจากที่คุมขัง เพื่อหลอกล่อให้นำไปสู่รังของบ้านมีดบิน House of Flying Dagger พูดถึงความรักที่ถูกใช้เป็นเหยื่อล่อ, เป็นกับดัก, หรือ หลุมพราง ที่สุดท้ายล้วนอันตรายยิ่งกว่าศาสตราใดๆ ที่เหยื่อสามารถเปลี่ยนเป็นวางหลุมพรางได้ทุกเมื่อ

House of Flying Dagger เป็นงานที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับความรักเป็นประเด็นสำคัญ จางอี้โหมว ยังคงมีรสนิยมทางศิลปะอันเป็นเลิศ นำเสนอภาพลีลาใหม่ๆ อยู่เสมอ แตุ่สุดท้ายมันกลายเป็นดาบสองคมที่ทำลายความน่าเชื่อถือของหนัง ดาวตลก ไมเคิล ฮุย ออกมาชื่นชม จางอี้โหมว ในผลงานชิ้นนี้ว่ายอดผู้กำกับชาวจีน

Seven Swords – 7 กระบี่เทวดา (2004, China)

ผู้กำกับ: ฉีเคอะ, หลิวเจียเหลียง (กำกับคิวบู๊)
นักแสดงนำ: หลี่หมิง, ดอนนี่ เยน, หยังไฉ่หนี, หลิวเจียเหลียง, จางจิงชู, ซุงหงไหล
จุดขาย: ดาบสุดเท่ห์, ดนตรีประกอบโคตรเทพที่ยังก้องอยู่ในหูของกระผมอยู่เลย
รอยด่าง: หนังครบถึงพร้อมทุกอย่างทั้ง สไตล์, คิวบู๊, เอกลักษณ์ส่วนตัวของผู้กำกับ ขาดอย่างเดียวคือ ‘ความสนุก’
ฉากเด็ด: คิวบู๊ในฉากสุดท้าย โดยเฉพาะของตัวละครที่แสดงโดย หยังไฉ่หนี กับดาบไหลไปไหลมาสุดเจ๋งของเธอ
Rating: IMDB = 6.2/10 | Rotentomatos = 29% | MIHK 5/5

ราชสำนักชิงที่ยึดครองแผ่นดินจีนมาได้ระยะเวลาหนึ่ง ต้องการกำราบชาวฮั่นที่ยังแสดงออกถึงความแข็งกร้าว จึงออกกฎห้ามห้ามบรรดาชาวบ้านฝึกฝนวิทยายุทธ หมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่งที่ฝึกฝนฝีมือเพื่อป้องกันตัวเองจากพวกโจรป่า ก็กลายเป็นเป้าหมายแห่งการปราบปรามไปด้วย อดีตเพชรฆาตของราชสำนัก (หลิวเจียเหลียง) ตัดสินใจถ่ายบาปล้างหนี้เลือดที่เคยฆ่าคนมากมายมายสมัยยังหนุ่มแน่น ตัดสินใจขึ้นเขาเทียนซัน เพื่อขอยืม

ฉีเคอะ หยิบนิยายของเนี่ยอู่เซ็ง มาสร้างในโครงเรื่องที่หลายคนบอกว่าคล้ายกับเป็น Seven Samurai ภาคกำลังภายใน หนังออกมาก่ำกึ่งระหว่างการเป็นมาสเตอร์พีซให้ช่วง 10 ปีของฉีเคอะ กับความพยายามอันล้มเหลวของอดีต สปีลเบิร์ก แห่งเอเซีย ตัวละคร, โปรดักชั่นดีไซต์, คิวบู๊ คือความโดดเด่นที่ ฉีเคอะ ยังพิสูจน์ว่าเขายังมีดีอยู่ โดยเฉพาะการทำหนังด้วยสไตล์ส่วนตัว ไม่ปล่อยให้กระแสหนังกำลังภายในจากจีนแผ่นดินใหญ่มาครอบงำ อย่างไรก็ตามหนังเล่าเรื่องอย่างเยิ่นเย้อ กินเวลานานเกินเหตุ และเต็มไปด้วยฉากที่ไร้ประโยชน์ กลายเป็นงานไม่น่าจะสร้างความบันเทิงให้กับคนวงกว้างได้มากนัก

The Promise – คนม้าบิน (2006, China)

ผู้กำกับ: เฉินก่ายเค่อ
นักแสดงนำ: แจงดองกัน, จางป๋อจือ, เซียะถิงฟง, ฮิโรยูกิ ซานาดะ
จุดขาย: จางป๋อจือ, เฉินหง สวยโคตรรรรรรรรรรร
รอยด่าง: ความบังเอิญ, ไร้เหตุผล, บี้อารมณ์แบบไม่บันยะบังยัง เป็นสไตล์ปกติของ เฉินก่ายเค่อ
ฉากเด็ด: ทุกวินาทีของหนัง
Rating: IMDB = 5.6/10 | Rotentomatos = 31% | MIHK 5/5

ชายหนุ่มผู้สามารถวิ่งเร็วจนย้อนเวลาได้, หญิงสาวเลอโฉมที่ตามหารักแท้, แม่ทัพใหญ่ขอท้าทายกับเทพพระเจ้าแห่งชะตากรรม, องค์ชายที่หมกหมุ่นอยู่กับขนมเปียะที่ถูกขโมยไปตั้งแต่เด็ก The Promise – คนม้าบิน หนังบ้าๆ บอๆ ที่กลายเป็นเส้นบางๆ ที่กั้นระหว่างความเลอะเทอะ กับหวานซึ้งสุดเลี่ยน ผมประทับใจงานของ เฉินก่ายเค่อ ที่ไม่ตีกรอบงานตัวเอง, ด้วยตรรกะทั่วๆไป หรือขนบของหนังกำลังภายในแฟนตาซีใดๆ ก่อนหน้า ผลออกมาเป็นงานรสชาติแตกต่าง ที่หลายคนถ่มถุยออกมาทันทีที่ได้ลิ้มรส แต่สำหรับผมมันถูกรสชาติปากเป็นอย่างยิ่ง

Curse of the Golden Flower – ศึกโค่นบัลลังค์วังทอง (2006, China)

ผู้กำกับ: จางอี้โหมว, เฉินเสี่ยวตง (กำกับคิวบู๊)
นักแสดงนำ: โจวเหวินฟะ, กงลี่, เจย์ โชว, หลิวเย่
จุดขาย: โจวเหวินฟะ ประชันบทบาท กงลี่
รอยด่าง: ระวังสำลักนม 555
ฉากเด็ด: ทุกฉากที่มีโจวเหวินฟะ
Rating: IMDB = 7.0/10 | Rotentomatos = 67% | MIHK 4.5/5

วังหลวงกำลังระส่ำระสายอย่างหนัก ฮ่องเต้ (โจวเหวินฟะ) และฮ่องเฮา (กงลี่) ครองคู่กันอยู่บนบัลลังก์ของความเกลียดชัง ไม่เคยมีความรักให้แก่กัน ความสัมพันธ์อย่างเดียวที่หลงเหลือก็คือ ยาพิษที่ฝ่ายฮ่องเต้พยายามกรองลงคอของ ฮ่องเฮา ทุกวันๆ หวังให้ตายจากกันไปเสียที รัชทายาททั้งสาม ที่เปลือกนอกดูปกติ รักใคร่กลมเกลียวกันดี ก็ซ่อนไว้ด้วยเรื่องในใจที่ไม่สามารถพูดออกมาได้ องค์ชายใหญ่ รู้เห็นความสกปรกทุกอย่าง แต่ขี้ขลาดที่จะทำอะไรได้, องค์ชายเล็กผู้อ่อนโยนก็ซ้อนรู้สึกบางอย่างไว้ในจิตใจ ขณะที่องค์ชาย 2 ผู้กล้าหาญต้องการเปลี่ยนแปลงความเลวร้าย โดยเฉพาะที่มาจากพระบิดา แต่ก็อ่อนประสบการณ์จนเกินไป

จางอี้โหมว ดัดแปลงนิยายของ จางอ้ายหลิง ดัดแปลงเรื่องราวความล่มสลายของครบครัวใหญ่ ให้ฉากหลังกลายเป็นราชสำนัก โปรดักชั่นหรูหรา ทั้งเครื่องประทับสีทอง และดอกไม้บานสะพรั่ง ถูกใช้อย่างลงตัวเพื่อสะท้อนภาพ ความสกปรกโสมมที่ถูกปิดปังไว้ด้วยความสวยงาม ในหนังกำลังภายในของ จางอี้โหมว ผมชอบเรื่องนี้มากที่สุดครับ

The Banquet – ศึกสะท้านภพ สยบบัลลังก์มังกร (2006, China)

ผู้กำกับ:
นักแสดงนำ:
จุดขาย: งานศิลป์ล้ำๆ
รอยด่าง: หนังมีหลายอย่างน่าสนใจ แต่ผมไม่แน่ใจว่ามีใครอยากดูซ้ำเป็นรอบที่ 2 รึเปล่า (โอเค ถ้าจะดูตูด (ปลอมๆ) ของจางจื่ออี้ ก็ถือว่าเป็นอีกเรื่องนึง)
ฉากเด็ด: อะไรดีละ นึกไม่ออกแล้ว
Rating: IMDB = 8.0/10 | Rotentomatos = 81% | MIHK 3/5

The Banquet หยิบเอานิยายอมตะอย่าง Hamlet มากสร้างใหม่ กับเรื่องราวชอง องค์ชายอู๋หลวน (เดเนียล วู) องค์รัชทายาท ที่หลบลี้หนีออกจากวังไปหลายปี หลังบิดาถูกสังหารอย่างเป็นปริศนา เขากลับเข้าวังอีกครั้งเพื่อค้นหาความจริง โดยเฉพาะจาก พระอนุชาของบิดา (เก๋อหยู) ที่ขึ้นสืบทอดตำแหน่งแทน และแต่งตั้งฮองเฮา (จางจื่ออี้) ของฮ่องเต้ องค์ก่อนขึ้นเป็นฮองเฮาของตน

คำจำกัดความสำหรับผมเมื่อคิดถึงหนังเรื่องนี้ก็คือคำว่า pretentious แปลกันแบบง่ายๆ ก็อาจจะบอกว่าเป็นหนังที่ ขี้เก๊ก, ซึ่งโอ้อวด อะไรทำนองนั้นก็ได้ ทำให้ภาพรวมของหนังดูสดใหม่ใช้ได้ เนื่องจากหนัง มีงานสร้างที่นอกจากจะสวยงาม แล้วยังดูไม่ซ้ำแบบใคร งานสร้างพยายามเน้นการตัดกันของสีขาว แดง กับสีดำของความมืดมิด สร้างบรรยากาศที่ไม่น่าใว้วางใจ ฉากพระราชสถานกลับให้ความรู้วังเวงอย่างกับบ้านผีสิง ดนตรีประกอบก็ไม่ได้เน้นความเป็นตะวันออกแบบชัดเจน แบบงานประเภทเดียวกัน แต่ผสมผสานตะวันตก และตะวันออก เป็นดนตรีที่ให้ความรู้สึกแตกต่าง และไพเราะอย่างมาก องค์ประกอบทั้งหมดสร้างให้การดู The Banquet นั้นเป็นประสบการณ์ทางตา และทางหู ที่ไม่ได้ย่ำแย่อะไรเกินไปนัก

A Battle of Wits (2006)

ผู้กำกับ: เจคอป จาง
นักแสดงนำ: หลิวเต๋อหัว, อานซุงกิ, ฟานปิงปิง, อู๋ฉีหลง, ชีวอน
จุดขาย: หนังวางแผนการรบไม่ได้มีออกมากันบ่อยๆ, ตัวละครของหลิวเต๋อหัวน่าสนใจดี
รอยด่าง: การขับเคี่ยวไม่ถึงพริกถึงขิง
ฉากเด็ด: พี่หลิวง้างคันธนู อย่างเท่ห์
Rating: IMDB = 6.8/10 | MIHK 4/5

เก่อหลี่ ปราชญ์แห่งม่อจื่อ ตัดสินใจเดินทางมาแคล้วเล็กๆ อย่าง ‘เหลียง’ หวังช่วยเหลือต้านทานการรุกรานจากแคว้น ‘จ้าว’ สติปัญหาของเขา ในการจัดแผนการรบ สำริดผลอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม ซากศพกองพะเนินของทหารศัตรู กับความกลับกรอกของทั้งผู้ครองแคว้น หรือกระทั่งความไร้ัศักดิ์ศรีของประชาชนเหลียงเอง กลายเป็นเสิ่งที่ทำให้ยอดกุนซืออย่าง เก่อหลี่ เริ่มหวั่นไหวต่อความตั้งใจของตัวเอง

A Battle of Wits ดัดแปลงมาจากการ์ตูนญี่ปุ่น เป็นหนังย้อนยุคออกแนวสกปรกขมุกขมัวอีกเรื่อง หลิวเต๋อหัว ดูไปได้ดีกับบทนักอุดมคติในเรื่อง เนื้อหามีประเด็น อย่างไรก็ตามแกนหลักของหนัง อย่างความเข้มข้นในฐานะหนังสงครามยังพร่องไปหน่อย

An Empress and the Warriors – จอมใจบัลลังก์เลือด (2008, Hong Kong)

ผู้กำกับ: เฉิงเสี่ยวตง
นักแสดงนำ: เฉินฮุ่ยหลิน, หลี่หมิง, ดอนนี่ เยน
จุดขาย: เฉินฮุ่ยหลิน กับการเล่นหนังย้อนยุค
รอยด่าง: เฉินฮุ่ยหลิน กับการเล่นหนังย้อนยุค ที่โคตรจะไม่เข้ากันเลย
ฉากเด็ด: ฉาก ดอนยี่ เยน ต้านทัพศัตรูด้วยตัวคนเดียว ถือว่าทำออกมาใช้ได้เลย
Rating: IMDB = 5.7/10 | MIHK 2.5/5

An Empress and the Warriors เป็นงานที่ดัดแปลงมาหนังคลาสสิคของชอว์บราเดอร์อย่าง จอมใจจักรพรรดิ์ โดยสลับบทบาท จากเดิมที่เป็นเรื่องความรักของฮ่องเต้กับสาวชาวบ้าน ก็ถูกปรับเปรียบสลับขั้วมาเป็นความรักของ จักรพรรดินี กับหนุ่มสามัญชนแทน ส่วนเพลงหวงเหมยตี้สุดคลาสสิคในต้นฉบับ

เฉินฮุ่ยหลินรับบทเป็น จักรพรรดินี ผู้ต้องแบกรับความรับผิดชอบจากเสร็จพ่อผู้ล่วงลับ ท่ามกลางข้าราชบริพารที่สงสัยในความสามารถและความเหมาะสมของพระนาง ขณะที่ข้าศึกก็ยกทัพ มาประจันหน้ากำแพงเมืองแล้ว มีเพียงแม่ทัพหนุ่ม (เจิ้งจื่อตัน) ที่คอยหนุนหลัง ความผิดพลาดในการซ้อมรับ องค์จักรพรรดินี กับกลุ่มทหารจนได้รับการช่วยเหลือจากหนุ่มชาวป่า (หลี่หมิง) จนได้ใช้ชีวิตอันแสนสงบกับเขา เพียงสองต่อสอง จนเริ่มรู้สึกว่านี่คือชีวิตที่พระนางตามหามานานหรือไม่ หนังของผู้กำกับคิวบู๊รุ่นใหญ่ชาวฮ่องกง ไม่มีอะไรให้พูดถึงมากนัก นอกจากชุดเกราะประหลาดๆ และฉากที่ตัวละครของ ดอนนี่ เยน ด้านกองทัพศัตรูด้วยตัวคนเดียว ที่ทำออกมาใช้ได้

Red Cliff – สามก๊ก โจโฉ แตกทัพเรือ (2008, Hong Kong)

ผู้กำกับ: เฉิงเสี่ยวตง
นักแสดงนำ: เฉินฮุ่ยหลิน, หลี่หมิง, ดอนนี่ เยน
จุดขาย: หนังแคสติ้งออกมาได้ดีเกินคาด มี ทาเคชิ เป็นขงเบ้งที่หล่อสุดในสามโลก, ส่วนจูล่ง ไม่หล่อแต่เท่ห์ และจางฟงอี้ เป็นโจโฉเต็มไปด้วยพลัง
รอยด่าง: ทุกอย่างดูคาดเดาได้ไปหมด
ฉากเด็ด: ค่ายกลหลังเต่า ดูเวอร์ๆ นะ แต่ผมชอบ
Rating: IMDB = 7.3/10 | MIHK 4.5/5

โจโฉ อาศัยราชโองค์การจากฮ่องเต้ ที่เป็นเหมือนลูกไก่ในกำมือของตัวเอง เดินทัพลงสู่ตอนใต้เพื่อปราบกลุ่มแว่นแคล้นผู้แข็งข้อ เล่าปี่ ศัตรูอันดับหนึ่งของท่านมหาอุปราช หวังโน้มน้าวซุนกวนผู้นำหนุ่มแห่งดินแดน ให้ร่วมในศึกสำคัญครั้งนี้

จอห์น วู สร้างสามก๊กตอนที่สำคัญที่สุดออกมาได้ดี และสนุก ผสมผสานทั้งตำนานของสามก๊ก, เรื่องราวทางประวัติศาตร์ และสไตล์ส่วนตัวของผู้กำกับ นอกจากนั้นยังสามารถขับพลังดารา ของนักแสดงทุกคนออกมาได้อย่างเหลือเชื่อ

4 ความเห็น

  1. สาวกหยกอุ่นเย็น · มิถุนายน 16, 2010

    ผมให้คะแนน
    Crouching Tiger, Hidden Dragon กับ Hero
    เป็นที่ 1 ร่วม
    ที่ 2 ร่วม House of Flying Dagger และ Seven Swords
    ที่ 3 ร่วม Warriors of Heaven and Earth และ The Banquet
    ที่เหลือก็ดูทุกเรื่อง แต่ไม่ประทับไว้ในใจเท่าใดนัก
    การแสดงภาพของฉากต่อสู้ ซึ่งหากคนที่อ่านวรรณกรรมกำลังภายในของ กิมย้ง
    โก้วเล้ง อุนสุยอัน หวงอี้ คงจะชอบต่างกันไป แต่ตัวผมชอบ Hero ที่สุด เนื่องจากให้ความรู้สึกว่าเป็นภาพที่แทนงานเขียนของอุนสุยอัน ที่แฝงปรัชญาและอารมณ์กวีได้อย่างลงตัวมากกว่าเรื่องอื่น ๆ

  2. เครือข่ายคนดูหนัง · มิถุนายน 18, 2010

    โดยส่วนตัวผมประทับใจ Hero ครับ The Promise นี่ผมเองก็ก้ำกึ่งครับ ส่วนที่แย่มันก็แย่ แต่ความกล้าของเฉินไค่เก๋อนี่ผมชอบมาก

    ํยัติิภังค์

  3. นิรนาม · กันยายน 26, 2010

    เท่าที่ดูมา เอียนหนังของอั้งลี่ กับ จางอี้โหมว พอ ๆ กันครับ ผมว่ามันกระแดะ ทำให้เว่อร์ ทำให้คนที่ดูหนัง shaw อย่างผมเอียนในวิธีการแสดงออกทางวิทยายุทธของสองผู้กำกับนี้มาก ประมาณว่า ผกก.หนังรัก จะหันมาทำหนังกำลังภายในว่างั้น ซึ่งในมุมมองผม ค่อนข้างห่วยมาก

    ขนาดฉีเคอะ ที่ว่าเป็นรอง จางเชอะ ยังทำหนังได้ดีกว่าสองคนที่ว่าเลยครับ

    ถ้าถามความชอบ ก็ 7 กระบี่ กับ warrior เท่านั้นครับ ที่เหลือสำหรับผม สอบตกหมด

  4. นิรนาม · พฤษภาคม 11, 2014

    ผมเคยดูหนังเรื่องนึงตอนเด็กแล้วครับ ที่พระเอกวิ่งไวย้อนเวลาได้ ผมตามหามาตั้งนาน ถึงได้เจอในบทความนี้ ขอบคุณครับ

ใส่ความเห็น